สร้างภาพ เด็กทารกหญิงและชาย มีพื้นหลังเป็นสีประจำวันเกิดทั้ง 8
สร้างภาพ เด็กทารกหญิงและชาย มีพื้นหลังเป็นสีประจำวันเกิดทั้ง 8

ในวัฒนธรรมไทย ความเชื่อเรื่อง สีประจำวันเกิด เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานและยังคงปรากฏให้เห็นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสีเสื้อผ้าในแต่ละวัน การเลือกสีรถยนต์ หรือแม้กระทั่งการจัดดอกไม้ถวายพระ สีเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สีสันสวยงาม แต่ยังเชื่อมโยงกับโหราศาสตร์และตำนานเทพฮินดู สะท้อนถึงที่มา ความหมาย และลักษณะนิสัยของผู้ที่เกิดในวันนั้นๆ

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงที่มาและความหมายของสีประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน

ที่มาของความเชื่อ

ความเชื่อเรื่องสีประจำวันเกิดมีรากฐานมาจาก ตำราสวัสดิรักษา และคติความเชื่อทางโหราศาสตร์ฮินดู ซึ่งผูกพันวันทั้งเจ็ดเข้ากับเทพนพเคราะห์ (เทวดาประจำดาวเคราะห์) โดยถือว่าสีของเทวดาองค์นั้นๆ คือสีมงคลประจำวัน


วันอาทิตย์: สีแดง

  • ที่มา: วันอาทิตย์อยู่ภายใต้อิทธิพลของ พระอาทิตย์ (เทวดาพระอาทิตย์) ซึ่งตามตำนานมีวรกายเป็นสีแดง จึงเป็นที่มาของสีแดงอันทรงพลัง
  • ความหมายและอุปนิสัย: ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์มักเป็นคนมีความเป็นผู้นำสูง มีความทะเยอทะยาน กล้าหาญ ใจกว้าง รักเพื่อนพ้องและบริวาร แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนใจร้อน ตัดสินใจรวดเร็ว และมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง
  • สีกาลกิณี (สีที่ควรเลี่ยง): สีน้ำเงิน

วันจันทร์: สีเหลืองนวล

  • ที่มา: วันจันทร์อยู่ภายใต้อิทธิพลของ พระจันทร์ (เทวดาพระจันทร์) ซึ่งมีวรกายเป็นสีขาวนวลหรือสีเหลืองอ่อน เปรียบดั่งแสงจันทร์ที่นุ่มนวล
  • ความหมายและอุปนิสัย: คนเกิดวันจันทร์เป็นคนมีเสน่ห์ อ่อนโยน ช่างพูดช่างเจรจา มีจินตนาการสูง และมีความละเอียดอ่อน แต่ก็อาจมีอารมณ์แปรปรวนง่าย ตัดสินใจไม่เด็ดขาด และมักเป็นคนคิดมาก
  • สีกาลกิณี: สีแดง

วันอังคาร: สีชมพู

  • ที่มา: วันอังคารอยู่ภายใต้อิทธิพลของ พระอังคาร (เทวดาพระอังคาร) เทพแห่งสงครามและความกล้าหาญ ซึ่งมีวรกายเป็นสีชมพูหรือสีแดงอมชมพู
  • ความหมายและอุปนิสัย: คนเกิดวันอังคารเป็นคนตรงไปตรงมา มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง กล้าได้กล้าเสีย ชอบความท้าทายและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่ก็เป็นคนใจร้อนและอาจมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นได้ง่าย
  • สีกาลกิณี: สีเหลือง และ สีขาว

วันพุธ: สีเขียว (และสีดำ)

วันพุธมีความพิเศษกว่าวันอื่น โดยแบ่งออกเป็นกลางวันและกลางคืน

วันพุธกลางวัน (06:00 น. – 17:59 น.) – สีเขียว

  • ที่มา: ผู้ที่เกิดวันพุธกลางวันอยู่ภายใต้อิทธิพลของ พระพุธ (เทวดาพระพุธ) เทพแห่งวาจาและพาณิชย์ ซึ่งมีวรกายเป็นสีเขียวมรกต
  • ความหมายและอุปนิสัย: เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ปรับตัวเก่ง มีศิลปะในการพูด เป็นคนขยันขันแข็งและมีความรับผิดชอบสูง เหมาะกับงานที่ต้องใช้การสื่อสาร
  • สีกาลกิณี: สีชมพู

วันพุธกลางคืน (18:00 น. – 05:59 น.) – สีเทา หรือ สีดำ

  • ที่มา: ผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืนจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของ พระราหู ซึ่งตามตำนานเป็นอสูรที่มีร่างกายเป็นสีดำหรือสีทองสัมฤทธิ์
  • ความหมายและอุปนิสัย: มักเป็นคนคิดนอกกรอบ มีไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม กล้าได้กล้าเสีย ชอบความเสี่ยง และมีความสามารถในการหยั่งรู้หรือมีสัมผัสพิเศษ
  • สีกาลกิณี: สีส้ม หรือ สีแสด
สีประจำวันเกิด: ที่มาและความหมาย มรดกความเชื่อจากดวงดาวสู่ตัวตน
สีประจำวันเกิด: ที่มาและความหมาย มรดกความเชื่อจากดวงดาวสู่ตัวตน

วันพฤหัสบดี: สีส้ม หรือ สีแสด

  • ที่มา: วันพฤหัสบดีอยู่ภายใต้อิทธิพลของ พระพฤหัสบดี (เทวดาพระพฤหัสบดี) ซึ่งเป็นเทพฤๅษีและเป็นครูของเหล่าเทวดา มีวรกายเป็นสีแสดหรือสีส้ม
  • ความหมายและอุปนิสัย: คนเกิดวันพฤหัสบดีเป็นผู้มีปัญญา รักความยุติธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต จิตใจโอบอ้อมอารี รักการเรียนรู้และแสวงหาความสงบ มักเป็นที่พึ่งและเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ดีแก่ผู้อื่น
  • สีกาลกิณี: สีม่วง

วันศุกร์: สีฟ้า

  • ที่มา: วันศุกร์อยู่ภายใต้อิทธิพลของ พระศุกร์ (เทวดาพระศุกร์) เทพแห่งความรัก ความงาม และศิลปะ ซึ่งมีวรกายเป็นสีฟ้า
  • ความหมายและอุปนิสัย: คนเกิดวันศุกร์เป็นคนรักสวยรักงาม มีรสนิยมดี มีจินตนาการด้านศิลปะสูง มีเสน่ห์ พูดจาอ่อนหวาน และเป็นที่รักของคนรอบข้าง แต่ก็อาจเป็นคนขี้น้อยใจและใช้จ่ายเก่ง
  • สีกาลกิณี: สีเทา หรือ สีดำ (สีของพระราหู)

วันเสาร์: สีม่วง

  • ที่มา: วันเสาร์อยู่ภายใต้อิทธิพลของ พระเสาร์ (เทวดาพระเสาร์) เทพแห่งความทุกข์และโทษ ซึ่งมีวรกายเป็นสีดำหรือสีม่วงเข้ม
  • ความหมายและอุปนิสัย: คนเกิดวันเสาร์เป็นคนหนักแน่น เด็ดเดี่ยว มีความอดทนสูง มีโลกส่วนตัวและชอบครุ่นคิด แต่ภายนอกจะดูสุขุมและน่าเชื่อถือ เป็นคนตรงไปตรงมาและรักษาคำพูด
  • สีกาลกิณี: สีเขียว

แม้ว่าความเชื่อเรื่องสีประจำวันเกิดจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรมและโหราศาสตร์ แต่ก็เป็นมรดกที่สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างวิถีชีวิตของผู้คนกับธรรมชาติและดวงดาวได้อย่างน่าสนใจ และยังคงเป็นเสน่ห์ที่ช่วยเติมสีสันให้กับชีวิตประจำวันของคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้