โค้ดสี คือ รหัสที่ใช้ระบุสีในระบบดิจิทัลหรือกราฟิก เช่น การออกแบบเว็บไซต์ โปรแกรม หรือซอฟต์แวร์ โดยโค้ดสีที่นิยมใช้มากที่สุดคือ รหัสสีแบบ HEX (เช่น #FF5733) และ รหัส RGB (Red, Green, Blue เช่น rgb(255,87,51)) ซึ่งบอกค่าสีด้วยตัวเลข 3 ค่า ที่แสดงถึงความเข้มของสีแดง เขียว และน้ำเงิน นอกจากนี้ยังมีระบบ CMYK หรือชื่อสีในมาตรฐานอื่น เช่น HSL หรือ Pantone ที่ใช้ในงานพิมพ์และกราฟิกเฉพาะทางด้วย
โค้ดสี อยู่ในรูปแบบรหัสที่ใช้แทนสีต่าง ๆ ในระบบดิจิทัล โดยทั่วไปจะเห็นในรูปแบบตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ สามารถเข้าใจและแสดงผลสีที่ถูกต้องได้ มีโค้ดสีหลายระบบ แต่ที่นิยมใช้กันมาก คือ
1. ระบบ RGB
- ใช้ตัวเลข 3 ชุด แทนความเข้มของสี แดง (Red) เขียว (Green) และน้ำเงิน (Blue)
- ตัวเลขแต่ละชุดมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 255
- เช่น RGB(255, 0, 0) แทนสีแดง RGB(0, 255, 0) แทนสีเขียว RGB(0, 0, 255) แทนสีน้ำเงิน
2. ระบบ Hexadecimal
- ใช้เลขฐานสิบหก 6 หลัก แทนความเข้มของสี แดง เขียว และน้ำเงิน
- มักขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย #
- เช่น #FF0000 แทนสีแดง #00FF00 แทนสีเขียว #0000FF แทนสีน้ำเงิน
3. ระบบ HSL
- ใช้ 3 ค่า แทน Hue (เฉดสี) Saturation (ความอิ่มตัวของสี) และ Lightness (ความสว่าง)
- Hue มีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 360 องศา แทนสีต่างๆ บนวงล้อสี
- Saturation และ Lightness มีค่าตั้งแต่ 0% ถึง 100%
4. ระบบ CMYK
- ใช้ 4 ค่า แทนความเข้มของสี ฟ้า (Cyan) ม่วงแดง (Magenta) เหลือง (Yellow) และดำ (Key/Black)
- ใช้ในงานพิมพ์
ประโยชน์ของโค้ดสี
- ความแม่นยำ: โค้ดสีช่วยให้กำหนดสีได้อย่างแม่นยำ สื่อสารสีที่ต้องการได้ตรงกัน
- ความสะดวก: ง่ายต่อการใช้งาน และจดจำ
- ความหลากหลาย: สามารถสร้างสีได้หลากหลาย ตามต้องการ
ตัวอย่างการใช้งานโค้ดสี
- การออกแบบเว็บไซต์: ใช้โค้ดสี ในการกำหนดสี พื้นหลัง ตัวอักษร และองค์ประกอบต่างๆ บนเว็บไซต์
- การออกแบบกราฟิก: ใช้โค้ดสี ในการสร้าง และแก้ไข รูปภาพ
- การพิมพ์: ใช้โค้ดสี ในการควบคุม และผสมสี ในการพิมพ์
การเลือกใช้โค้ดสี ขึ้นอยู่กับ ความต้องการ และ ประเภทของงาน
